ล่าสุด

อุทาหรณ์บินโดรนกลางคืน ย่านชุมชุน โพสโชว์ผ่านเฟส โดนเรียกไปปรับเฉียดครึ่งล้าน หรือโดนดำเนินคดีอ่วม

อุทาหรณ์บินโดรนกลางคืน ย่านชุมชุน โพสโชว์ผ่านเฟส โดนเรียกไปปรับเฉียดล้าน หรือโดนดำเนินคดีอ่วม

เป็นเรื่องราวของสมาชิกท่านหนึ่งในชมรมคนเล่นโดรน ซึ่งซื้อโดรนมาบินเล่นในกรุงเทพฯหลายท้องที่ นำไปโพสโชว์หราในหน้า Facebook ของตัวเอง โดนสำนักงานการบินพลเรือนเรียกพบ เนื่องมาจากการบินโดรนโดยไม่มีใบอนุญาติ บินยามวิกาล บินในพื้นที่ชุมชนและการทำการบินสูงเกินกว่าที่กฏหมายกำหนดไว้คือ 90 เมตร ฝ่าฝืนมาตราที่24 ตาม พรบ.เดินอากาศ ปี พ.ศ.2497 โดนเรียกเปรียบเทียบปรับ 3 แสนกว่าบาท บางคนโดนเรียกค่าปรับเฉียดครึ่งล้าน

ผู้ใช้โดรนรายนี้ บอกเล่าเรื่องราวผ่าน Facebook และนำมาแชร์ในกลุ่มคนเล่นโดรนไว้เป็นอุทาหรณ์ ทางแอดมินได้รับอนุญาตให้นำเรื่องราวมาลงไว้เป็นอุทาหรณ์ให้กับคนเล่นโดรนทั่วไปที่อาจจะไม่รู้ว่ามีกฏหมายฉบับนี้อยู่ ที่ทำให้ สนง.การบินพลเรือนสามารถเรียกเปรียบเทียบปรับรายกระทงได้ทันที แลกกับการที่ไม่ส่งเรื่องไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่นำเรื่องขึ้นสู่ศาล

ว่าแล้วก็มาดูเรื่องราวกันเลยนะครับ

สวัสดีครับเพื่อนๆชาวโดรนทุกคน ขอแบ่งปันประสบการณ์จากการโดนเรียกปรับจาก สนง.การบินพลเรือนเนื่องมาจากการบินโดรนโดยไม่มีใบอนุญาติ บินยามวิกาล บินในพื้นที่ชุมชนและการทำการบินเกินกว่าที่กฏหมายกำหนดไว้คือ90เมตร ฝ่าฝืนมาตร 24พรบ.เดินอากาศ ปี พ.ศ.2497 ซึ่งเป็นข้อกฏหมายที่มีมานานมากแล้ว แต่เครื่องบินโดรนเพิ่งจะมีบินกันทั่วฟ้าเมืองไทยได้ไม่กี่ปี แต่พรบ.เดินอากาศนี้ก็ยังครอบคลุมอยู่จนถึงปัจจุบัน

เรื่องเริ่มมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2560 มีโทรศัพท์จาก สนง.การบินพลเรือนโทรเข้ามาหาผม แจ้งว่าผมได้กระทำความผิดปล่อยโดรนโดยไม่ได้รับอนุญาติตามสถานที่ต่างๆ ช่วงระหว่างวันที่ 8สิงหาคม – 14กันยายน พ.ศ.2560 ฝ่าฝืนมาตราที่ 24 พรบ.เดินอากาศปี 2497

drone-fine-letter

โดยแจ้งให้ผมเข้าไปชี้แจงข้อเท็จจริงที่ สนง.การบินพลเรือนหลักสี่ ตอนแรกก็ตกใจเหมือนกัน สอบถามพี่ๆในวงการถ่ายภาพก็ไม่มีใครเคยโดนมาก่อน ขั้นตอนการโดนเรียกให้ไปชี้แจงเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้เลย

จนถึงวันที่ไป ผมก็นั่งฟังเจ้าหน้าที่ไปก่อน ไม่ได้เสนออะไร ก็ชี้แจงไปตามภาพและหลักฐานที่เค้าแคปเจอร์ภาพถ่ายมาจากเฟซบุ๊ค ปริ้นท์ออกมาเต็มหน้ากระดาษ A4 ซึ่งผมก็อธิบายตอบคำถามในแต่ละภาพเท่าที่จำได้ บินด้วยโดรนชนิดไหน รุ่นไหน บินด้วยความสูงเท่าไหร่ ทำการขึ้นบินตรงไหน ปล่อยโดรนบินวันที่เท่าไหร่และเวลากี่โมง

ผมตอบครบหมดทุกภาพรวมทั้งหมด 8 ภาพ ผมสอบถามกลับว่าทำไมผมจึงโดนเรียกทั้งๆที่แต่ละภาพนั้นผมลอกเลียนแบบคนที่บินมาก่อนในเฟซบุ๊คทั้งนั้น ทำไมไม่เคยมีใครเคยโดนเลย เค้าบอกกำลังจะทะยอยเรียกบุคคลเหล่านั้น

drone-offened-photo

ซึ่งเขาชี้แจงว่าการมาชี้แจงวันนี้ก็จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการต่อไป และสุดท้ายให้ผมมีข้อเสนอแนะอะไรมั้ย ผมก็ระบุไปว่า ผมไม่ทราบข้อกฏหมายจริงๆ ทำการขึ้นบินโดยเน้นว่าไม่ไปบินบริเวณสนามบินและพื้นที่เขตกองทัพ และเขตพระราชวัง และห้ามบินโดยอย่าให้เกิดอุบัติเหตุเด็ดขาด (ผมคิดเท่านั้นจริงครับ) แต่ก็ยอมรับผิดว่าได้กระทำความผิดฝ่าฝืนพรบ.จริงและจะขอนำการทำผิดครั้งนี้ไปตักเตือนคนอื่นๆต่อไป และตัวเองก็ไม่ทำแล้ว ขอความเห็นใจจริงๆ (ตอนที่ผมเข้าไปชี้แจงนั้นโดรนสปาร์คของผมตกน้ำที่อ่าวฮ่องกงไปก่อนหน้าแล้ว) ก็จบเท่านั้นละครับ ผมนึกว่าเรื่องจบแล้ว คงเป็นการตักเตือนจริงๆ แต่ไม่ใช่เลย

จนล่วงเลยมาถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2561 ผมได้รับจดหมายอีก 1 ฉบับและโทรศัพท์มาจากสนง.การบินพลเรือนอีกครั้งให้เข้าไปรับฟังการพิจารณาเปรียบเทียบปรับ ผมสอบถามว่าเท่าไหร่ ปลายสายตอบผมกลับมาว่าทั้งหมด 290,000 บาท

โอ้แม่เจ้า สองแสนเก้า ใช่ครับฟังไม่ผิด สองแสนเก้าหมื่นบาท!!! โดยตัวเลขนี้มีการลดค่าปรับให้สามหมื่นบาทจากค่าปรับทั้งหมด 320,000บาท

ผมโมโหมากจนแทบจะสบทคำด่าอยู่ในใจแต่ก็ตอบไปว่า ผมไม่ไปและจะไม่จ่ายและพร้อมจะโดนดำเนินคดี ใครมันจะไปคิดว่าการมีโดรนบินเล่นสักตัว ซึ่งเรายอมรับว่าบินผิดกฏหมายจริง แต่ไม่เคยมีใครพูดถึงเรื่องค่าปรับที่มหาโหดขนาดนี้มาก่อน

ตอนนั้นผมพยายามวิ่งเต้นอยู่ครับ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครช่วยได้ ถึงขั้นว่าจะเพิกเฉยไม่สนใจมันเลย แต่สุดท้ายไม่อยากหนีปัญหาครับ เพราะคดีมีอายุความ 5 ปี หมายเรียกมาไม่ไปก็จะตามด้วยหมายจับ เพิกเฉยไปมันจะใช่เหตุ ผมยอมโทรเข้าไปที่ สนง.การบินพลเรือนเพื่อขอเข้าพบคณะกรรมการอีกครั้งช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์

วันที่ไปถึงนั้นผมถึงได้รู้ว่ามีอีกสองคนที่ได้กระทำความผิดเหมือนกัน และเราทั้งสามคนเกือบจะเป็นกลุ่มแรกๆที่โดนเรียกปรับจากการบินโดรน

ใช้เวลาเกือบค่อนวันกว่าจะออกมาจากห้องประชุม ก็คุยกันดีดีด้วยเหตุผล ข้างในห้องประชุมมี จนท.หลายฝ่ายเป็นสิบกว่าคน ผมพยายามคุยร้องขอเพื่อให้ทางคณะกรรมการลดค่าปรับ แต่ก็เหมือนเดิม ต้องระวางโทษปรับตามมาตรา78 ไม่มีการลดค่าปรับและไม่มีใครช่วยได้ ถ้าจ่ายค่าปรับตรงนี้ ก็จะไม่มีการดำเนินคดีใดๆ จบตรงนี้เลย (เอาจริง ๆ เหมือนมัดมือชกมากๆ เพราะมาตราที่ 78 ของพรบ.เดินอากาศนั้น ระบุไว้ว่าปรับสูงสุดไม่เกินสี่หมื่นบาท 8 รูป 8 กระทง 40,000×8 = 320,000 บาท )

คณะกรรมการบางท่านพยายามอธิบายให้เราเห็นภาพว่าถ้าเรื่องไปถึงศาลก็อาจจำคุก เพราะโทษมีทั้งปรับและจำคุก เราก็รู้สึกกลัว แต่ผมโทรถามเพื่อนทนายในตอนนั้น ก็บอกว่าใช่ มันมีข้อนี้ทั้งจำทั้งปรับ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจศาล แต่ผมเชื่อมั่นตัวเองว่า ไม่มีเจตนาบินโดรนเพื่อบุกรุกสถานที่ ไม่มีเจตนาก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัย หรือ ล่วงละเมิดความมั่นคงของชาติแต่อย่างใด คือทุกอย่างพูดคุย อธิบายไปหมดแล้ว แต่ทำไรไม่ได้เลย

สุดท้ายในวันนั้นผมไม่เซนต์ชื่อยอมรับชำระค่าปรับ เพราะถ้าเซนต์ต้องจ่าย 2.9 แสนบาท ภายใน 30วัน ผมยอมไปสู้คดีในศาลต่อไป รอหมายเรียกมาจากสน.ตำรวจ สู้คดีกันอีกยาวทั้งหมดที่โดนเรียกสามคน เข้าห้องไปทีละคน ผมโดนเรียกเข้าห้องคนสุดท้าย

สำหรับคนที่โดนด้วยกันกับผมวันนี้อีกสองคนเขายอมเซ็นว่าจะจ่าย รวมสองคนก็เกือบจะ 1 ล้านบาทเข้าไปแล้ว

ส่วนผมโดน 2.9 แสนบาท ไม่จ่าย ไปสู้คดีในศาลต่อไป ซึ่งผลสรุปของเรื่องนี้เป็นไปได้สองทาง คือ
1. รับสารภาพ ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง
2. ทั้งจำทั้งปรับ เพราะเป็นคดีอาญา

หลังจากนั้นผ่านไป 30 วัน ถึงเวลาครบกำหนดชำระค่าปรับของเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกัน คนที่โดนชะตากรรมเดียวกันกับผมคนหนึ่ง ก็นำเงินไปจ่ายค่าปรับเรียบร้อยส่วนอีกคนหาเงินจำนวนดังกล่าวไม่ทัน ก็กลายเป็นว่าต้องขึ้นโรงพักขึ้นศาลเช่นเดียวกันกันผม ซึ่งรวมทุกกรรมทุกวาระแล้วโดนศาลสั่งปรับไป 6,000 บาท

ต่อมาเดือน กรกฏาคม 2561 ผมได้รับโทรศัพท์จาก นายตำรวจที่สน.ราษฏร์บูรณะให้ไปติดต่อเพื่อทำสำนวนส่งฟ้องศาล ซึ่งก็ได้มีการนัดวันไปพบช่วงเดือนสิงหาคมถัดมา ที่นี่ผมบินที่สะพานแขวน ซึ่งผมก็ยอมรับข้อกล่าวหาทั้งหมด 1 กรรม สรุปศาลท่านพิจารณาปรับ 5,000บาทและมีโทษจำคุกด้วยแต่รอลงอาญาไว้ 1 ปี

ถัดจากนั้นอีก 1 เดือน ผมตามเรื่องเองด้วยการโทรสอบถามกับฝ่ายกฏหมายของสนง.การบินพลเรือนว่าได้ส่งฟ้องไปที่ สน.ไหนบ้าง ผมจะได้ไปติดต่อคดีความต่าง ๆ ที่เหลือให้มันจบ

ครั้งที่สองช่วงเดือนกันยายน ผมติดต่อไปที่ สน.บุปผาราม ซึ่งที่นี่ผมโดน 2 กรรม 2 วาระ จากการขึ้นบินที่วงเวียนใหญ่ ศาลท่านสั่งปรับผมทั้ง 2 กรรม รวมเป็นจำนวน5,000บาท พร้อมทั้งโทษจำที่รอลงอาญาไว้ 1 ปี

ครั้งที่สาม ผมทำการขึ้นบินที่สามย่านหน้าตึกจามจุรีสแควร์ ไปติดต่อที่ สน.ปทุมวัน ที่นี่ศาลท่านก็พิจารณาปรับผมอย่างเดียวจำนวนเท่ากันกับที่ผ่านมา คือ 5,000 บาท และโชคดีที่นี่ไม่มีโทษจำคุก

จนถึงเดือนนี้ พฤศจิกายน ล่าสุดผมไปที่ สน.พญาไท จากการขึ้นบินแถวๆอนุสาวรีย์ชัยฯ ร้อยเวรที่สน.นี้ก็ทำสำนวนไป 1 กรรม แต่พอไปถึงสำนักอัยการ ปรากฏว่าอัยการท่านให้รวมคดีที่เหลืออยู่อีก 4 กรรมให้รวมฟ้องทีเดียว (อนุสาวรีย์ชัย, โลหะปราสาท และอีก2กรรมที่บริเวณ สเตททาวเวอร์บางรัก) ผมรู้สึกโอเคมากเลย เพราะจะได้จบเรื่องไปในคราวเดียว

ผมยอมเสียเวลาไปอีก 2 วันเพื่อไปเอาผลคดีความที่ผ่านมาพร้อมเลขคดีดำคดีแดง แล้วกลับไปโรงพักเพื่อทำสำนวนใหม่ ไปศาลอีกรอบ ซึ่งคราวนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว และที่นี่ศาลท่านพิจารณาปรับผมทุกกรรม รวมทั้งหมด 40,000บาท โทษจำ 6 เดือนรอลงอาญาไว้ 1 ปี

จะว่าไปแล้วครั้งนี้เกือบซวยเหมือนกัน เพราะผมเตรียมเงินไปศาลเพียงสามหมื่นบาทเท่านั้น เงินไม่พอขาดอีก 1 หมื่นบาท ผมคิดว่าเต็มที่ก็คงเหมือนที่ผ่านมาคือกรรมละ 5,000บาท รวม 4 กรรมก็น่าจะประมาณ 20,000บาท แต่พลาดไปเพราะศาลท่านปรับกรรมละหมื่น ดีที่ร้อยเวรอนุญาติให้ออกจากห้องพิจารณาไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มได้ เพราะถ้าไม่มีเงินหรือเงินไม่พอหลังจากศาลสั่ง ก็โดนลากเข้าคุกทันทีนะครับ

สรุปแล้วจบสิ้นกระบวนความ ผมเสียค่าปรับจากเรื่องราวนี้ทั้งหมด 55,000บาท แล้วคงลาขาดจากการบินโดรนแน่นอน ที่เล่ามาก็เพื่อเป็นอุทาหรณ์นะครับ ใครจะแอบบิน ใครจะโพสลงสื่อต่าง ๆ ในเฟซบุ๊ก ในยูทูป ในไอจี ก็ควรระวังไว้ครับ ให้ระลึกว่าเสมอเลยว่า ค่าปรับมันสูงมาก

ผมเชื่อว่าเจ้าหน้าที่จาก สนง.การบินพลเรือนยังคงจับตาดูอยู่และทำงานอย่างต่อเนื่องซุ่มดูอยุ่ตามเฟซบุ๊คต่างๆ จากที่เคยถามมาแม้ว่าขอใบอนุญาติมาแล้ว แต่จะทำการขึ้นบินก็ยังคงต้องโทรไปแจ้งขออนุญาติทำการขึ้นบินอยู่ดีครับ

หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นข้อเตือนใจให้ใครต่อใครอย่าทำผิดกฏหมายเกียวกับการบินโดรนนะครับ และต้องขออนุญาติเอ่ยชื่อองค์กรจาก สนง.การบินพลเรือนแห่งประเทศไทยด้วยครับ ไม่ได้มีเจตนาจะพาดพิงเรื่องราวใดๆให้เสียหายครับ

ต้องขอบคุณเพื่อนๆในวงการโดรนและวงการถ่ายภาพหลาย ๆ คนอย่างที่สุดครับ ให้ข้อเสนอแนะ เอาใจช่วยคอยติดตามผลว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ถึงตอนนี้อ่านจบก็คงรู้กันแล้วนะครับ สิ่งที่ผมทำผิดอีกเรื่องนึงคือ ผมเก็บเรื่องไว้นานเป็นปีโดยที่ไม่บอกภรรยาคู่ชีวิตและคนทางบ้านในครอบครัวเลยสักคน เก็บเรื่องเครียดๆไว้เพียงลำพัง จนถึงวันที่รู้ว่าจะต้องขึ้นศาลเป็นครั้งสุดท้ายและเรื่องต้องจบส้ินในวันนี้ ผมถึงได้คุยกับภรรยาให้รับฟังและเข้าใจครับ

ติดตามเข้ากลุ่มชมรมคนเล่นโดรนได้ที่นี่ครับ https://www.facebook.com/groups/1080566435287011/

Advertisment