รีวิว โดรน DJI Phantom 3 Professional Part 1
รีวิว โดรน DJI Phantom 3 Professional
เมื่อไม่นานมานี้เราก็ได้รีวิว Phantom 2 Vision plus มาแล้ว ถึงตอนนี้เป็นโอกาสดีในการรีวิวโดรนรุ่นที่แพงขึ้นมาหน่อยนั่นก็คือ DJI Phantom 3 Professional
จะว่าไปแล้วช่วงไม่กี่ปีมานี้ DJI ก็สร้างชื่อเสียงอันโด่งดังในตลาดของโดรนหรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Unmanned Aerial Vehicle (UAV) อากาศยานไร้คนขับ เนื่องจากได้ผลิตเครื่องยนต์กลไกที่ซับซ้อนออกมาขายในราคาไม่แพงและใช้งานได้ง่ายแม้แต่คนที่ไม่เคยเล่นอะไรทำนองนี้
ปีที่แล้ว Phantom 2 Vision+ นั้นมาพร้อมคุณสมบัติอันสุดยอด ที่มาพร้อมทุกอย่างที่คุณต้องการในการถ่ายภาพมุมสูงด้วยราคาไม่เกิน 30,000 บาท และได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นทั่วโลก
สำหรับรุ่น Phantom 3 Professional นั้นได้มีการเพิ่มเติมเทคโนโลยีต่างๆเป็นจำนวนมาก แต่เพิ่มเงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยมีการสลับเอากล้อง 1080p ใน Phantom 2 Vision+ ออกและเปลี่ยนมาเป็นกล้องระดับ 4K พร้อมความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ตัวรีโมทคอนโทรลเองก็มีการอัพเกรดเพิ่ม พร้อมร้องรับแทปเล็ตและมือถือ อีกตั้งมีหน้าจอความละเอียด 720p มาให้ด้วย
ระยะการควบคุมในระยะ 2 กิโลเมตรนั้นถือว่าดีกว่า 800 เมตรสำหรับรุ่นก่อนหน้านี้ ผลก็คือทำให้ Phantom 3 Professional นั้นมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับรุ่นมืออาชีพอย่าง Inspire 1 ซึ่งราคาแตะหลักแสน
นอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้นแล้ว อย่างอื่นก็เป็นไปตามรูปแบบของมัน นั่นก็คือขนาดตัวเครื่องก็เท่าเดิมที่ 350 มม หนัก 1280 กรัม หรือเพิ่มขึ้นเพียง 38 กรัม และยังบินได้เร็ว 16 เมตรต่อวินาทีเช่นเดิม ที่น่าเสียดายก็คืออายุของแบตเตอร์รี่ยังอยู่แถวๆ 23 นาทีต่อการชาร์ชเหมือนเดิม แต่ระยะเวลาในการชาร์ชลดลงครึ่งนึงเหลือราวๆ หนึ่งชั่วโมงเท่านั้นเนื่องจากตัวเครื่องชาร์ชแบบใหม่
ปัจจุบันนี้ด้วยราคานี้ยังไม่มีโดรนตัวไหนที่มาพร้อมกับกล้องขนาด 4K หากคุณเป็นนักเล่นประเภททำเองได้ก็อาจจะประกอบกล้อง 4K ก้บโดรนและทำให้ราคาต่ำลงได้ แต่สิ่งสำคัญของ Phantom 3 Pro ก็คือมันถ่ายวิดีโอ 4K ได้ทันทีที่แกะมันออกมาจากกล่อง
หากคุณกำลังมองหาอุปกรณ์ถ่ายภาพจากอากาศที่ใช้งานง่ายแล้วละก็ DJI Phantom 3 Professional ก็ถือว่าเป็นโดรนที่ไม่ควรมองข้ามตัวหนึ่ง
การออกแบบ
เปิดกล่อง DJI Phantom 3 Professional ออกมาก็จะพบกับความเร้าใจ ด้วยทุกอย่างนั้นใช้งานง่ายและออกแบบมาสวยงาม เปิดกล่องมาแล้วแทบไม่ต้องใช้เครื่องมืออะไรเป็นพิเศษในการประกอบเครื่อง และคู่มือการใช้งานก็อธิบายทุกอย่างไว้อย่างชัดเจนให้คุณเริ่มใช้งานได้ทันที
ในทางทฤษฏีแล้วคุณอาจจะลองบินได้ภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากได้รับมอบกล่องมา แต่จริงๆแล้วคุณควรจะอ่านคู่มือให้ละเอียดถี่ถ้วน ตรวจสอบกฏการบินในพื้นที่ และควรหาคนที่เคยบินเจ้าเครื่องนี้มาก่อนมาช่วยให้คำแนะนะ
กระบวนการตั้งค่าต่างๆนั้นก็ทำได้ไม่ยาก เริ่มจากใส่ใบพัดเข้าไปทั้งสี่ตำแหน่งด้วยมือเปล่า สวมแบตเตอร์รี่เข้าไป เชื่อมโทรศัพท์เข้ากับชุดรีโมทผ่านสาย USB และดาวน์โหลดแอพมามาใส่ในเครื่องโทรศัพท์หรือแทปเล็ตให้เรียบร้อย จากจุดนั้น รีโมทก็พร้อมที่จะใช้ในการควบคุมโดรนและกล้อง ขณะที่ภาพสดๆจากกล้องก็จะโผล่มาบนแทบเลตหรือมือถือของคุณ
การทดลองควบคุมบินของ DJI Phantom 3 Professional อาจจะต้องฝึกฝนกันหน่อย แต่ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร หลักแล้ว joystick ฝั่งซ้ายควบคุมการขึ้นลงของโดรนและการหมุนตัว ส่วน joystick ด้านขวาควบคุมการเคลื่อนที่หน้าหลังและซ้ายขวา เหมือนกับการเล่นเกมส์ธรรมดา แต่ปัญหาที่อาจจะทำให้งงก็คือ การควบคุมการทำงานของ joystick ด้านขวานั้นขึ้นอยู่กับว่าโดรนอยู่ตำแหน่งไหน นั่นคือหากโดรนหันหน้าเข้าหาคุณการควบคุมอาจจะกลับทิศกัน
แต่ดีหน่อยที่การตอบสนองต่อการควบคุมนั้นทำงานได้รวดเร็วดี สักพักคนขับก็จะชินไปเอง เมื่อชำนาญแล้วถึงค่อยลองปรับเปลี่ยนค่าต่างๆในเมนู setting ได้ตามความพอใจ
แม้การควบคุมการบินจะเหมือนกับ Phantom รุ่นก่อนๆ แต่ระบบการควบคุมการถ่ายภาพได้มีการปรับแต่งให้ดีขึ้นและง่ายขึ้น แม้การมีกล้อง 4K ถือเป็นจุดเด่นของ DJI Phantom 3 Professional แต่เราคิดว่าการที่มีการออกแบบระบบการถ่ายภาพใหม่นั้นถือเป็นเรื่องที่น่าประทับใจกว่ามาก
ในรุ่น Phantom 2 นั้น การควบคุมกล้องต้องทำผ่านโทรศัพท์ที่ยึดอยู่กับรีโมท นั่นหมายถึงว่าคุณจะต้องควบคุมโดรนโดยใช้หัวแม่โป้งทั้งสองในการควบคุม แล้วปล่อยมือข้างหนึ่งมาควบคุมกล้องและถ่ายภาพบนเครื่องโทรศัพท์ มันทำงานได้ดี แต่อาจจะเก้ๆกังๆนิดนึงในการจับภาพที่ให้เป็นธรรมชาติ เปรียบเทียบให้เห็นง่ายๆก็เวลาคุณเอามือซ้ายตบหัวแล้วพยายามลูบพุงเป็นวงกลม มันจะไม่ค่อยเข้าจังหวะเท่าไหร่
แต่กับ DJI Phantom 3 Professional ทุกอย่างนั้นอยู่บนตัวรีโมทเลย และสามารถสั่งการควบคุมกล้องได้โดยไม่ต้องละนิ้วโป้งจากจอยสติก ล้อกลมๆทางด้านซ้ายจะช่วยให้คุณปรับมุมกล้องขึ้นลงได้ ส่วนล้อกลมๆด้านขวาช่วยให้คุณควบคุมแสง และมีปุ่มให้คุณกดเพื่อบันทึกวิดีโอหรือถ่ายภาพได้
ดูแล้วเหมือนจะง่ายไปหมดแต่การปรับปรุงเพิ่มเติมนี้ถือว่าสุดยอด เพราะทำให้สามารถปรับมุมกล้องขึ้นลงได้ในขณะที่บังคับโดรนไปตำแหน่งต่างๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ทำไม่ได้เลย นอกจากนี้แล้วยังมีปุ่มเหลือให้บนรีโมทที่คุณสามารถปรับแต่งซอฟท์แวร์ DJI GO เพื่อให้ทำอะไรอื่นๆเช่นให้กล้องหมุนอย่างเร็วลงในแนวดิ่งทันทีเป็นต้น
ในโหมดนักบินฝึกหัด DJI จะทำอะไรทุกอย่างอัตโนมัติเพื่อให้การชับโดรนนั้นง่ายที่สุด เมื่อคุณเปิดเครื่องใหม่ทุกครั้ง ก็จะต้องทำการคาลิเบรทโดยการหมุนโดรนรอบตัวคุณเพื่อปรับเข็มทิศในตัวเอง โดยมันจะใช้ข้อมูลนี้ในการบินกลับบ้านหากมันเคลื่อนที่ออกนอกเขตการควบคุม
โดรนตัวนี้สามารถบินได้ไกลถึง 2 กิโลเมตร ตราบใดที่คุณยังมองเห็นมันในแนวสายตา ซึ่งถือว่าดีกว่าระยะ 800 เมตรของรุ่นก่อน และยังมีปุ่มเรียกกลับบ้านกรณีฉุกเฉินเอาไว้ด้วย กดปุ่มหนึ่งครั้งก็จะพบว่าโดรนจะบินกลับมาลง ณ ตำแหน่งที่มันเคยขึ้นไป และค่อยๆลดตัวลงแตะพื้น
อีกอย่างหนึ่งที่พัฒนาขึ้นก็คือตัวแคลมป์ที่ยึดอุปกรณ์พกพา โดยมันสามารถรองรับได้ถึง iPad Air แม้ว่าดูเหมือนจะไม่มีอะไรมาก แต่การได้เห็นภาพวิดีโอบนจอขนาด 9.7 นิ้วนั้นทำให้การถ่ายภาพทำได้ง่ายขึ้นกว่าภาพที่เห็นจากโทรศัพท์ แต่ข้อเสียของการมี iPad Air ก็คือรีโมทจะหนักและใหญ่เทอะทะ ดีที่ว่าบินได้ราว 20 นาที พอได้พักแขนอยู่บ้าง
สำหรับ DJI Phantom 3 Professional แล้ว มันจะส่งภาพตัวอย่างจากกล้องบนโดรนมาที่ตัวคอนโทรลเลอร์ ทำให้คุณเห็นว่ากำลังถ่ายภาพอะไรอยู่ และภาพที่ส่งมามีการเพิ่มเติมจากความละเอียดมาตราฐานเป็นระดับ 720p HD ซึ่งทำให้เห็นว่าเรากำลังถ่ายอะไรอยู่อย่างละเอียดมากขึ้น อย่างไรก็ตามทำให้เราต้องเชื่อมโยงผ่านสาย USB ซึ่งเราต้องไม่ลืมที่จะพกพาไปด้วยหากต้องการใช้งาน
การใช้งานสายเคเบิ้ลมีประโยชน์หลายอย่างด้วยก้น เช่น ตัวรีโมทจะชาร์ชไฟให้กับอุปกรณ์มือถึอของคุณไปในตัว อีกอย่างก็คือคุณสามารถใช้การเชื่อมโยงอินเตอร์เน็ตผ่านมือถือโพสท์ภาพหรือวิดีโอขณะกำลังถ่ายได้เลย หรือถ้าผ่านไวไฟก็สามารถถ่ายทอดสดได้เลย
การบินเองอาจจะสนุกไปอีกแบบ แต่ยังมีอีกโหมดหนี่งให้เล่นสำหรับ DJI Phantom 3 Professional นั่นคือการใช้แผนที่บนเครื่องโทรศัพท์ แล้วสามารถกำหนดเส้นทางการบินแบบ Waypoint แล้วโดรนก็จะบินไปตามเส้นทางนั้น คุณแค่ควบคุมความสูงของแต่ละจุด และเวลาที่จะหยุดในแต่ละจุด และความเร็วระหว่างแต่ละจุด เมื่อพร้อมคุณก็กดปุ่ม “Go” โดรนก็จะทำทุกอย่างโดยอัตโนมัติและกลับลงมาจอดที่เดิม
ยังมีคุณสมบัติเด่นอื่นๆที่จะตามมาสำหรับการอัพเดทเฟิร์มแวร์ในอนาคต ระบบจุดที่สนใจ (Point of Interest) จะช่วยให้การถ่ายทำวิดีโอแบบมืออาชีพง่ายกว่าเดิม ทำให้คุณสามารถเลือกจุดใดๆบนแผนที่แล้วเน้นตรงจุดนั้น โดรนก็จะบินรอบจุดนั้น
อีกอย่างก็คือโหมด Follow Me ที่น่าจะออกมาแข่งกับ AirDog และ Hexo+ เพื่อติดตามกีฬาแนวโหดๆ โดยมันจะสามารถติดตามเป้าหมายที่ต้องการเป็นต้น
อาจจะดูว่าเราเยินยอ DJI Phantom 3 Professional มากไปหน่อย แต่เนื่องจากเราประทับใจกับมันมากว่าได้พัฒนาด้านต่างๆขึ้นไปมาก อย่างไรก็ตามยังมีอีกประเด็นนึงที่ยังไม่ได้มีการปรับปรุง นั่นคืออายุการใช้งานของแบตเตอร์รี่นั่นเอง
รุ่นก่อนหน้านี้บินได้ราว 23 นาที แต่เมื่อเวลาผ่านไปราว 14 นาที โดรนก็เริ่มเป็นกังวล โดยมันจะส่งเสียงร้องและเริ่มจะกลับบ้านเพื่อที่มันจะได้ไม่ตกลงมา จะว่าไปแล้วแบตใช้งานได้ไม่นานเนื่องจากมันต้องพยุงน้ำหนักถึง 1.28 กิโลกรัมไว้บันอากศ ซึ่งน้ำหนัก 1 ใน 3 ก็คือแบตเตอร์รี่นั่นเองที่ 364 กรัม
แต่สิ่งที่มีการปรับปรุงก็คงเป็นเรื่องเวลาในการชาร์ช โดยที่ชาร์ชอันใหม่นั้นลดเวลาลงราวครึ่งนึง เหลือเพียงราวชั่วโมงนิดๆ เครื่องชาร์ชตัวเดียวกันนี้ยังใช้ชาร์ชรีโมทได้อีกด้วย แต่ทาง DJI แนะนำว่าไม่ควรชาร์ชไฟทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกัน แบตอัจริยะเองก็จะค่อยๆปล่อยประจุอย่างช้าๆออกมาด้วย ทำให้แบตใช้งานได้นานขึ้นแม้คุณจะไม่ได้ออกบินบ่อยๆ บางคนเลยอาจจะซื้อแบตเพิ่มที่ราวก้อนละ 5,000 บาท เอาไว้ด้วย
วันนี้ขอจบรีวิว ภาคแรกไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะครับ ไว้คราวหน้าเรามาดูในแง่ประสิทธิภาพของโดรนตัวนี้กัน
ภาพประกอบจาก
– http://www.trustedreviews.com
– http://www.lnwgadget.com/
Leave a comment
You must be logged in to post a comment.