ล่าสุด

อเมริกาพร้อมให้ทดสอบ โดรนแท็กซี่ บินรับส่งผู้โดยสาร

อเมริกาพร้อมให้ทดสอบ โดรนแท็กซี่ บินรับส่งผู้โดยสาร

อเมริกา อนุญาตให้โดรนสัญชาติจีนซึ่งวางตำแหน่งตัวเองเป็นโดรนแท็กซี่เพื่อการโดยสารขึ้นบินทดสอบได้แล้ว โดยจะเริ่มทดสอบการบินเที่ยวแรกในรัฐเนวาดา

โดยโดรนขับเคลื่อนอัตโนมัติลำนี้ หรือมีชื่อเรียกว่าอีกชื่อหนึ่งว่า 184 ได้รับการพัฒนาโดยบริษัทจากจีนชื่อ EHang ที่เคยนำผลงานรุ่นต้นแบบมาจัดแสดงในงาน CES เมื่อต้นปีที่ผ่านมาแล้วนั่นเอง

สำหรับโดรนรุ่นต้นแบบที่นำมาแสดงในครั้งนั้นมีความสูง 1.2 เมตร หนัก 200 กิโลกรัม และมีใบพัด 8 ตำแหน่ง สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 1 คน และบินได้ด้วยความเร็ว 96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บินได้นานเป็นระยะเวลานาน 23 นาที ซึ่งผู้โดยสารต้องป้อนจุดหมายปลายทางลงในจอสัมผัสขนาด 12 นิ้ว ที่ติดตั้งอยู่บริเวณที่นั่ง และคอมพิวเตอร์ภายในโดรนจะเลือกเส้นทางการบินที่ดีที่สุดให้

อย่างไรก็ตามโดรนแท็กซี่ที่จะมีการทดสอบนั้น จะไม่มีฟังก์ชันให้ผู้โดยสารเข้าควบคุมการทำงานแต่อย่างใด ซึ่งเท่ากับว่าในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินผู้โดยสารจะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลยซึ่งในกรณีที่ระบบเกิดการทำงานผิดพลาด โดรนจะหาจุดจอดที่ใกล้ที่สุดสำหรับร่อนลงจอดโดยอัตโนมัติ

ทั้งนี้ทางบริษัท EHang เผยว่า โดรนรุ่นดังกล่าวอาจพร้อมวางจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ในช่วงปลายปีนี้ โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 200,000 เหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 7 ล้านบาท

สำหรับกรณีที่สถาบันระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติในรัฐเนวาดาได้มีการอนุมัติให้โดรนลำดังกล่าวขึ้นบินทดสอบ และยังเสนอให้ความช่วยเหลือบริษัท EHang ในการยื่นผลการทดสอบบินต่อ FAA ของอเมริกาอีกด้วยนั้น ทำให้ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญตอนนี้แบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายด้วยกัน

โดยฝ่ายหนึ่งมีการตั้งคำถามถึงการใช้โดรนเป็นพาหนะรับส่งมนุษย์ว่า ที่ผ่านมา โดรนได้รับการยอมรับในฐานะเครื่องมือจัดส่งสินค้าที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา การที่จะนำโดรนมาใช้ขนส่งมนุษย์ จึงไม่น่าจะประสบความสำเร็จได้ และคำถามต่อไปคือ จะแน่ใจได้อย่างไรว่า มนุษย์จะกล้าขึ้นบินกับอากาศยานที่ไม่มีคนขับคอยควบคุม

ขณะที่อีกฝั่งหนึ่งมองว่า โอกาสในการเติบโตของโดรนชนิดดังกล่าวนั้นมีสูงมาก เพราะสามารถช่วยลดเวลาในการเดินทาง ซึ่งน่าจะเป็นที่ต้องการของผู้ที่อาศัยในเมืองใหญ่ที่ต้องการฝ่ากระแสจราจรในช่วงเวลาเร่งด่วนกรณีมีธุระสำคัญ

ก็คงต้องรอดูผลการทดสอบกันละครับว่าจะออกมาในแนวไหน

Advertisment

Leave a comment