DJI Mavic Pro รีวิว การทดลองบิน
DJI Mavic Pro รีวิว การทดลองบิน
ตามหลัง Karma Drone มาติดๆ หลังกระแสการเปิดตัวของ GoPro ไมทันจาง DJI ก็เปิดตัว DJI Mavic Pro ราคา ไม่แพง มาสร้างความฮือฮาในตลาดกันได้อีก กับโดรนขนาดเล็กพับแขนได้ และยังพกพาได้สะดวก พับได้เหลือขนาดเล็กเท่าขวดน้ำขวดใหญ่ และด้วยราคาเพียง $749 USD ก็ถือว่าไม่แพง และด้วยคุณสมบัติเด่นต่างๆที่มีมาให้ ก็ถือว่าเป็นโดรนที่น่าจับตามองเลยทีเดียว วันนี้เราเลยถือโอกาศ นำรีวิว DJI Mavic Pro ฉบับทดลองบินในงานเปิดตัวมาให้อ่านกันนะครับ
การออกแบบ
ขนาดลำตัวตอนพับแขนอยู่ที่ 83 x 198 x 83 มิลลิเมตร เลยทำให้ขนาดเกือบๆจะเท่ากับขวดน้ำเลย หน้าตาก็ดูน่ารักเล็กกระทัดรัด อีกทั้ง DJI ยังออกแบบเฟรมที่มีน้ำหนักเบาและลู่ลมมาก น้ำหนักรวมจึงอยู่ที่ 743 กรัมเท่านั้น
หากเปรียบเทียบกับโดรนอื่นๆของ DJI ที่ผ่านมา ก็ถือว่าขนาดเล็กลงราวครึ่งนึง และน้ำหนักนั้นก็เทียบได้กับโดรนตัวเด่นของ DJI นั่นก็คือ Phantom 4 นั่นเอง ทำให้ DJI Mavic Pro กลายเป็นโดรนของ DJI ตัวแรกที่สามารถจับโยนเข้าไปในกระเป๋าสะพายหลังได้เลย โดยไม่ต้องหากระเป๋าหนาๆที่ต้องทำพิเศษเหมือนรุ่นอื่นๆ
ก็ต้องยกความดีให้กับการออกแบบแนวใหม่ให้สามารถพับแขนได้ โดยแขนทั้งสองแขนด้านหน้านั้นจะพับกลับไปด้านหลัง ส่วนอีกสองแขนด้านหลังจะพับลงแล้วแนบไปกับลำตัว แม้ว่าใบพัดจะติดอยู่ที่ปลายเมอเตอร์อยู่ก็ตาม แต่ความรู้สึกโดยรวมของ Mavic Pro ให้ความรู้สึกแน่นหนึบดี โดยเราอาจจะต้องออกแรงประมาณหนึ่งในการจัดทุกอย่างให้เข้าที่ แต่ก็ไม่ถึงกับต้องใช้เวลานานนัก แค่เพียงไม่กี่อึดใจก็สามารถกางมันออกมาให้พร้อมบินได้แล้ว
โดรนสำหรับทุกอย่าง
สำหรับอุปกรณ์โดยส่วนใหญ่แล้ว การมีขนาดที่เล็กลงจะหมายถึงคุณสมบัติที่เล็กลง แต่สำหรับ Mavic Pro แล้วอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นซะทีเดียว เนื่องจากมันยังมาพร้อมคุณสมบัติต่างๆที่โดรนลำใหญ่ๆของ DJI จะมี ทั้งเซ็นเซอร์ด้านหน้าและด้านล่าง ระบบหลบหลีกสิ่งกีดขวาง การติดตามวัตถุ การบินเองในการกลับฐาน และการไม่บินในที่ห้ามบินเป็นต้น
แต่สิ่งที่ขาดหายไปกับโดรนที่มีขนาดเล็กลงนี้ก็คงเป็นในประเด็นของความเร็ว โดย Mavic Pro สามารถบินได้ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในโหมดสปอร์ท ในขณะที่ DJI Phantom 4 นั้นสามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 72 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยกัน
โดรนรุ่นใหม่ของ DJI ลำนี้ได้รับการออกแบบมาให้บินนิ่งแม้จะเจอลมแรงถึง 39 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอยู่ตรงหน้ามันก็ตาม ส่วนระยะทางในการบินนั้นคุณสามารถเชื่อมต่ออยู่ได้กับโดรนตัวนี้ในระยะห่างถึง 7 กิโลเมตรเลยทีเดียว และการชาร์ชแต่ละครั้งจะสามารถบินได้นานถึง 27 นาที
สิ่งที่ไม่เหมือนกับ GoPro Karma ก็คือ Mavic Pro จะมาพร้อมกับกล้องในตัว แต่ปัญหาคือคุณไม่สามารถมารถที่จะถอดกล้องออกมาได้เหมือน Karma กล้องตัวนี้สามารถบันทึกภาพได้ที่ระดับ 4K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที หรือที่ HD (1080p) ที่ 96 เฟรมต่อวินาที ซึ่งอันหลังนี่สามารถถ่ายทอดสดผ่าน facebook Youtube ได้ที่ความเร็ว 30 เฟรมต่อวินาที
หรืออีกกรณีหนึ่งคุณสามารถถ่ายภาพนิ่งได้ที่ 12 ล้านพิกเซลในรูปแบบ DNG RAW รวมทั้งยังสามารถถ่ายภาพเปิดหน้ากล้องได้นานถึง 2 วินาที ทั้งนี้ DJI เองมั่นใจว่าผู้ใช้สามารถถ่ายภาพได้คมชัดด้วย gimbal แบบสามแกนแบบใหม่ เราคงต้องทดสอบกรณีนี้กันหนักๆอีกทีในรีวิวฉบับเต็ม
นอกจากระบบทำให้ภาพนิ่งที่ยอดเยี่ยมแล้ว gimbal รุ่นนี้ได้ถูกออกแบบให้สามารถหมุนกล้องได้ 90 องศา สำหรับภาพแบบพอเทรียทและสามารถถ่ายภาพโครงสร้างที่มีความสูงได้อีกด้วย
ในเชิงของกล้องแล้ว มันสามารถบันทึกภาพได้มุมกว้าง 78.8 องศา และสามารถโฟกัสภาพได้ใกล้ที่สุดคือ 19 เซ็นติเมตร
เปิดจอขึ้นแล้วเล่นกับคันบังคับ
จะว่าไปแล้วขวากหนามที่สำคัญที่สุดสำหรับการเล่นโดรนใดๆก็คือระบบควบคุมหรือตัวคันบังคับนั่นเอง DJI เองพยายามจะเปลี่ยนรูปแบบตรงนี้ให้ง่ายขึ้นและสามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวกอีกด้วย
กลายเป็นว่าตัวเลือกรีโมทอันนี้ถูกออกแบบมาให้พับได้อีกด้วย โดยสายอากาศด้านบนสองอันสามารถดึงให้ตั้งขึ้น ส่วนคันด้านล่างอีกสองอันเมื่อปลดออกมาแล้วจะสามารถยึดจับสมาร์ทโฟนได้พอดี
แม้จะมีหน้าจอเล็กๆอยู่บนตัวคอนโทรล แต่มันแสดงข้อมูลการบินเท่านั้น เช่นความสูง ทิศทาง ความเร็ว และระยะทาง การที่จะมองภาพผ่านกล้องบนโดรนนั้นคุณจะต้องเชื่อมต่อกับโทรศัทพ์สมาร์ทโฟนของคุณ
หรืออีกตัวเลือกหนึ่ง ผู้ผลิตโดรนรายนี้ได้นำเสนอแว่นสวมแบบใหม่ที่เรียกว่า DJI Goggle ซึ่งจะแสดงภาพมุมมองถึง 85 องศาจากกล้องบนโดรนด้วยความละเอียด 1080p เราได้ลองมองผ่านแว่นตัวนี้อยู่เพียงไม่กี่วินาทีแต่เราก็รู้สึกประทับใจกับความคมชัดและแทบจะไม่มีดีเลย์ของภาพเลย
ถือเป็นประสบการณ์ในการบินโดรนที่ให้ความรู้สึกเป็นจริงมาก แต่แน่นอนว่าคนทั่วไปคงไม่ต้องใส่หน้ากากนี้ตลอดเวลาที่บินโดรนหรอก คนที่จะใช้งานในลักษณะนี้น่าจะเป็นนักแข่งโดรนเสียมากกว่า
โดยภาพรวมแล้วการควบคุมการบินให้ความรู้สึกที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ joystick ทีทำจากก้านเหล็กแทนที่จะเป็นแบบพลาสติกที่เรามักจะเห็นมากับโดรนรุ่นอื่นๆ แม้จะมีปุ่มบนตัวคอนโทรลให้เล่นมากมาย แต่ก็ไม่ได้ชวนให้สับสนแต่อย่างใด เนื่องจากแต่ละปุ่มจะมีการระบุไว้ชัดเจนว่าเอาไว้ทำอะไร ทั้งปุ่มที่ไว้กดถ่ายภาพหรือสั่งให้มันกลับมาจอด
และหากที่กล่าวมายังไม่หนำใจพอ ระบบควบคุมผ่านสมาร์ทโฟนก็ได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมอีกด้วย โดยเจ้า Going App ซึ่งใช้กับ Mavic Pro จะทำให้ผู้ใช้สามารถจิ้มนิ้วลงไปบนตำแหน่งที่ต้องการให้โดรนบินไป ผู้ใช้สามารถบอกให้โดรนบินไปข้างหน้าได้ขณะที่มันจะพยายามหลบหลีกสิ่งกีดขวางด้วยตัวของมันเอง
นอกจากนี้แล้ว Mavic Pro ยังเป็นโดรนรุ่นแรกของ DJI ที่คุณสามารถบังคับมันได้ด้วยการแสดงท่าทางต่างๆ มันเป็นโหมดการควบคุมที่สุดยอดมาก คุณแค่โบกมือเพื่อให้โดรนหันมาสนใจคุณ แล้วโบกแขนเป็นรูปตัว Y เพื่อให้โดรนลำนี้ส่องกล้องมาที่คุณตลอดเวลา ถ้าคุณทำท่ากรอบรูปด้วยมือคุณ มันก็จะถ่ายรูปภาพ selfie ของตัวคุณเอง เจ๋งไหมหละ
นอกเหนือจากคุณสมบัติเด่นๆเหล่านี้แล้ว คุณยังสามารถจัดการคำสั่งต่างๆด้วยมือของคุณในการจัดการการบินของมัน โบกมือไปทิศทางใด โครนก็จะตามตัวคุณไป และหากคุณสั่งให้มันโฟกัสทีคุณ มันจะตามคุณไปด้วยเวลาคุณเคลื่อนที่ด้วยระยะห่างที่เหมาะสม
คำตัดสินเบื้องต้น
หากดูข้อมูลสเป็กแล้วละก็ DJI Mavic Pro ดูเหมือนจะเป็นโดรนของ DJI ที่ราคาพอรับได้ที่สุด ราคาอยู่ในช่วงที่เหมาะสม และหากเทียบกับ GoPro Karma แล้วดูเหมือนจะราคาดีกว่าพร้อมกล้อง ด้วยรูปแบบการควบคุมผ่าน smartphone และควบคุมด้วยท่าทาง เหมือน DJI จะทำให้การเล่นโดรนนั้นง่ายขั้นสำหรับผู้เล่นทั่วๆไป
Mavic Pro เหมาะสำหรับคนที่ดูภาพจากโดรนคนอื่นแล้วอยากลองถ่ายดูบ้าง ซึ่งคราวนี้ดูเหมือนว่า DJI จะทำให้โดรนเข้าถึงทุกคนได้ง่ายด้วยการที่มันสามารถพกพาได้สดวกอีกทั้งง่ายที่จะควบคุมการบินมันอีกด้วย
หากท่านสนใจโดรนรุ่นนี้ ตรวจสอบราคา DJI Mavic Pro ได้ที่นี่นะครับ และยังมีอีกร้านที่ ขาย DJI Mavic Pro ราคา ไม่แพง
รีวิวฉบับวันเปิดตัวจาก techradar.com
ขอบคุณภาพจาก techradar.com