Tweet

Google เปิดศูนย์ Machine Learning ที่สวิสเซอร์แลนด์

Google กำลังเพิ่มการลงทุนในด้านปัญญาประดิษฐ์ โดยการเปิดศูนย์วิจัยแห่งใหม่ที่เมือง Zurich ประเทศสวิสเซอร์แลน์ ซึ่งจะมีทีมนักพัฒนาด้านวิศวกรรมซอฟท์แวร์และนักวิจัยที่เน้นด้านการเรียนรู้ของปัญญาประดิษฐ์ (Machine Learning)

นอกจากจะมีการวิจัยเข้มข้นในเรื่องปัญญาประดิษฐ์และ Machine Learning แล้ว กลุ่มนี้ยังก็จะพัฒนาเครื่องมือและสินค้าใหม่ๆที่ใช้เทคโนโลยี ซึ่งทางบริษัทได้แถลงว่าตอนนี้ได้มีการนำเสนอบริการต่างๆต่อผู้บริโภคแล้วที่ใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้ เช่น Google Translate การค้นหาภาพ และการตอบกลับแบบอัจฉริยะเป็นต้น

การรับรู้ และการประมวลผลภาษาธรรมชาติ

ศูนย์วิจัยแห่งใหม่นี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มอันยิ่งใหญ่ของ Google ในการจะพัฒนาในสาขาการเรียนรู้ของปัญญาประดิษฐ์ นักวิจัยที่ทำงานที่สำนักงานวิศวกรรมเดิมของบริษัทที่เมือง Zurich นั้นได้มีการพัฒนาหลายอย่างก้าวหน้าไปมากแล้ว

ตัวอย่างเช่นการพัฒนาเอนจิ้นของการสร้างบทสนทนา ซึ่งเป็นเบื้องหลังของ Google Assistant ในระบบส่งข้อความอัจฉริยะ Allo ทั้งนี้สำนักงานใน Zurich นี้ถือเป็นสำนักวิศวกรรมที่ใหญ่ที่สุดเป็นรองจากที่ตั้งอยู่ในอเมริกา

นอกจากประเด็นของ Machine Learning แล้ว นักวิจัยยังได้เน้นไปในทางที่ให้เครื่องสามารถเข้าใจข้อมูลต่างๆเช่น ภาพ เสียง ดนตรี และวิดีโอ ซึ่งการวิจัยได้แบ่งออกเป็นสินค้าของ Google ที่หลากหลายเช่น การรับรู้ลายมือ อัลกอริทึมแนะนำดนตรีเป็นต้น

ความพยายามระดับโลก

Emmanuel Mogenet หัวหน้าศูนย์วิจัย google แห่งยุโรปได้กล่าวไว้ในบล้อกว่า งานวิจัยที่สำนักงานใน Zurich นั้นจะสามารถทำงานร่วมกับทีม ความเข้าใจภาษาธรรมชาติ และยังติดต่อประสานงานกับกลุ่มวิจัยอื่นๆของ google ทั่วโลกอีกด้วย

ทีมงานที่ Zurich นั้นจะเน้นไปในด้านการพยายามหาหนทางที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการเรียนเรียนรู้ของเครื่อง ขณะเดียวกันก็จะช่วยในการวิจัยในสังคมการเรียนรู้ของเครื่องอีกด้วย และยังพยายามหาทางในการนำเทคโนโลยีเหล่านั้นมาใช้งานให้ได้จริง

Mogenet ยังกล่าวด้วยว่า ยุโรปถือเป็นสถานที่ๆเหมาะสำหรับทีมวิจัย เนื่องจากมีมหาวิทยาลัยชั้นนำมากมายในทวีปนี้ และย่านนี้มีชื่อเสียงด้านงานวิจัยด้านคอมพิวเตอร์ชั้นสูงมากมายอีด้วย

ทั้งนี้งานวิจัยสาขา Machine Learning นั้นกลายเป็นสาขาที่ได้รับความสนใจจากบริษัทเทคโนโลยีทั้งหลายในช่วงปีที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ Intel ได้ซื้อบริษัทด้านซอฟแวร์สำหรับการมองเห็นของเครื่อง (Computer Vision Software) เพื่อจะช่วยเสริมความสามารถในการเรียนรู้และการรับรู้สำหรับระบบ Internet of Things

ส่วนไมโครซอฟท์เอง ทีมนักวิจัยได้ประกาศแนวทางใหม่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาในการใช้ Minecraft เพื่อช่วยสอนให้เครื่องสามารถเรียนรู้ได้

ข่าวจาก sci-tech-today.com