รีวิวโดรน DJI PHANTOM 2 VISION plus
รีวิวโดรน DJI PHANTOM 2 VISION plus
หากคุณไม่เคยเล่นโดรนรุ่น DJI Phantom 2 Vision + มาก่อน คุณจะไม่รู้ตัวหรอกว่าคุณต้องการเป็นเจ้าของโดรนซักตัว แต่พอเริ่มเล่นมันแล้วคุณจะต้องแสวงหามันแน่ ดังนั้นหากไม่อยากเสียเงินละก็ ขอบอกว่าอย่าเพิ่งลองของจริง มานั่งอ่านรีวิวเล่นๆ กันไปก่อนแล้วกันนะครับ
โดรนรุ่น Phantom 2 Vision + นี้ ถือเป็นรุ่นยอดนิยมรุ่นหนึ่งของเมืองไทยเลยก็ว่าได้ เพราะหากคุณได้ยินคำว่าโดรน แน่นอนว่าภาพในหัวคุณต้องนึกถึงรุ่นนี้ไว้ก่อน DJI ได้ผลิตโดรนออกมาจำหน่ายหลายปีแล้ว และด้วยอุปกรณ์ต่างๆที่ประกอบเป็นตัวโดรน ทำให้มันเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมกันทั่วโลกในปัจจุบัน
แล้วผลเป็นอย่างไร ดีเหมือนที่เขาร่ำลือกันหรือไม่ ตอนนี้เราได้ลองสัมผัสตัวเป็นๆมันแล้วกับ Phantom 2 Vision + และพามันขึ้นฟ้าแล้วดูประสิทธิภาพของมันว่าเป็นอย่างไร
คุณสมบัติเด่น
หากขื่อรุ่นที่ว่า Phantom 2 Vision + บอกไม่ได้ว่ามันมีอะไรอยู่บ้างละก็ ต้องบอกว่าโดรนรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ยอดเยี่ยมกระเทียมดองของ DJI เลยก็ว่าได้ ซึ่งหากเทียบกับรุ่นธรรมดาอย่าง Phantom 2 และ Phantom 2 Vision แล้วละก็ รุ่น Vision+ จะมาพร้อมคุณสมบัติสุดยอดในหลายๆด้าน เช่นตัว Gambal Stabilizer ขนาด 3 แกน สำหรับไว้ติดตั้งกล้อง สามารถส่งสัญญาณวิดีโอได้ไกลกว่า (ในพื้นที่เปิดส่งได้ไกล 500 – 700 เมตร) และสามารถถ่ายภาพลงแบบดำดิ่ง ซึ่งหาได้ยากจากโดรนทั่วๆ ไป
อีกอย่างที่ทำให้โดรนตัวนี้เด่นกว่าคู่แข่งก็คือระบบอัตโนมัติต่างๆ หากมีการใช้ขับโดรนผ่าน App (ทั้งบน Android และ IOS) คุณจะสั่งบินมันได้ง่ายๆ โดยแค่กำหนดจุดให้มันในแผนที่เท่านั้น ที่เหลือมันก็จะบินเองได้ นอกจากนี้แล้วยังมีฟังค์ชั่นลงจอดอัตโนมัติ ทำให้ Vision+ เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งหัดเล่นกลัวว่าจะทำโดรนพัง
คุณภาพวัสดุและความคงทน
แม้โตรนรุ่นนี้จะทำจากพลาสติค จะรู้สึกว่าเป็นเป็นพลาสติกก็ต่อเมื่อคุณบิดมันแรงๆเท่านั้น ส่วนแขนของมันนั้นให้ความรู้สึกถึงความแข็งแรงพอตัว ไม่จำเป็นต้องกลัวว่ามันจะแขนหักหากมันลงจอดแรงๆบนพื้น ถ้าคุณไม่โยนมันลงมาจากตึก 10 ชั้นลงบนพื้นคอนกรีตแล้วละก็ มันแทบจะไม่มีหนทางที่จะพังได้เลย
ขาของ Phantom นั้นเป็นส่วนเดียวที่ให้ความรู้สึกว่าบอบบางกว่าส่วนอื่นๆ เป็นไปได้ว่าน่าจะมาจากการออกแบบมากกว่า เนื่องจากหากใส่ขาที่แข็งแรงก็อาจจะต้องเพิ่มน้ำหนักให้ก้บโดรน ดังนั้นทาง DJI จึงเลือกที่จะทำให้มันน้ำหนักเบาและก็ถอดเปลี่ยนได้ ถ้าทำมันพังคุณก็แค่หาซื้อขาชุดใหม่ให้มันด้วยราคาไม่แพงมาก โดยแค่ไขนอตไม่กี่ตัว
การมีขาที่สมบูรณ์นั้นเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากขาของ Phantom นั้นจะเป็นสิ่งเดียวที่จะปกป้องกล้องถ่ายภาพและเจ้า gimbal ไม่ให้กระแทกกับพื้น ส่วนของ gimbal และกล้องนั้นถือว่าเป็นส่วนที่เปราะบางที่สุดของโดรน ดังนั้นตราบเท่าที่ส่วนขามันยังใช้งานได้ดี การออกแบบโดรนมาแบบนี้แม้จะหล่นกระแทกมันก็ยังปลอดภัย
อายุของแบตและเวลาในการชาร์ช
แบตเตอร์รี่ที่ให้มานั้นขนาด 5,200 mAh ซึ่งเป็นแบบ ลิเทียมโพลิเมอร์ จะสามารถบินได้นานประมาณ 25 นาที หากดูจากคู่มือ จากการลองบินแบบลอยตัวอย่างเดียวในอากาศ เราพบว่าได้เวลาที่ใกล้เคียง โดยโตรนลอยอยู่บนอากาศในระดับสูง 3 เมตร ทำเวลาได้ 24 นาทีพอดี ก่อนที่จะเข้าสู่โหมดไฟใกล้หมดแล้วลงจอดอัตโนมัติ
การบินในลักษณะนี้ถือเป็นภาวะที่เปลืองพลังงานน้อยที่สุดอยูแล้ว แต่หากเป็นการบินแบบบินไปมา ขึ้นๆ ลงๆ ก็จะเปลืองแบตเตอร์รี่มากกว่าปกติ จากการทดสอบพบว่าการบินในลักษณะนี้จะบินได้นานราว 19 – 20 นาที หากมันบินต้านลมมากๆ หรือบินด้วยความเร็วสูงเป็นระยะเวลานาน เวลาที่บินได้ก็ยิ่งน้อยลงไปอีก
เมื่อแบตหมด มันต้องใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมง 40 นาที ( 100 นาที) ในการประจุแบตให้เต็มอีกครั้ง ซึ่งถือว่าต้องรอกันนานเลยหากมีแบตอยู่ก้อนเดียว หากสั่งซื้อโดรนมาเราจะได้แบตมาก้อนเดียวเท่านั้น ดังนั้นเมื่อบินได้ 20 นาที ก็ต้องรออีก 100 นาท ด้วยเหตุผลนี้จึงเป็นไปได้ว่าคุณควรจะคิดสั่งแบตเพิ่มเสียแต่เนิ่นๆ เพื่อจะได้เปลี่ยนแบตให้บินต่อได้ แต่ที่น่าเซ็งกว่าก็คือแบตแต่ละก้อนนั้นแพงพอดู
ประสิทธิภาพในการบินและการควบคุม
ทันที่ปล่อยให้มันบินในอากาศเราก็พบว่า Phantom 2 V+ ตอบสนองต่อการควบคุมได้ดีสุดๆ ระบบควบคุมต่างๆได้รับการปรับแต่งมาอย่างดี แค่โยคจอยสติกเบาๆ ตัวเครื่องก็จะตอบสนองอย่างทันที ทำให้รู้สึกเสมือนหนึ่งเจ้าโดรนตัวนี้เป็นส่วนหนึ่งของมือเรา
เพียงแค่ไม่กี่นาที เราจะรู้สึกได้เลยว่าเหมือนสมองของเราเชื่อมโยงกับโดรนโดยตรง ดังนั้นการหัดบินจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นหรือใช้เวลานานแต่อย่างใด นักบินหน้าใหม่ไม่จำเป็นต้องกลัว แค่เพียงใช้เวลาน้อยนิดในการฝึกฝน ไม่นานคุณก็บินได้อย่างชำนาญแล้ว
การที่โดรนรุ่นนี้ขับง่ายนั้นเนื่องจากความสามารถในการเป็นอิสระของตัวมันเอง เริ่มต้นคุณแค่ทำการสอบทาน (Calibrate) ค่า GPS ก่อนที่จะเริ่มใช้ทุกครั้ง หลังจากทำเสร็จแล้วตัวโดรนจะรับรู้ตำแหน่งและทิศทางของมันเอง เลยทำให้โดรนสามารถตอบสนองต่อแรงลมที่พัดเข้าหาเพื่อให้มันคงตำแหน่งเดิมเอาไว้ รวมไปถึงบินกลับมายังจุดปล่อยและลงจอดได้อย่างนิ่มนวล
ระบบซอฟท์แวร์จะล้อคมันสู่ตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ ระบบการควบคุมอันเป็นอิสระทำให้การควบคุมการบินทำได้โดยง่าย ไม่ต้องคอยประคับประคองเหมือนเล่นเฮลิคอบเตอร์ แต่ก็ไม่ถึงกับรู้สึกว่ามันเป็นอิสระเกินไป คุณยังสามารถบังคับมันได้อย่างคล่องตัว
ประสิทธิภาพในการบินนั้นถือว่าน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง DJI อ้างว่าโดรนรุ่นนี้มีความเร็วสูงสุด 15 เมตรต่อวินาที และความเร็วในการใต่ขึ้นในแนวดิ่งที่ 6 เมตรต่อวินาที เราก็ได้ลองทดสอบดูแล้วก็พบว่าตัวเลขทั้งสองนั้นแม่นยำพอควร
จากการทดสอบของเรา เราจับเวลาของ Phamtom 2 ในการใต่ขึ้นที่ประมาณ 20 ฟุต ต่อวินาที ซึ่งเทียบได้กับ 6.1 เมตรต่อวินาที และวิ่งตามแนวสนามฟุตบอลในเวลา 6.2 วินาที ซึ่งเท่ากับราว 14.6 เมตรต่อวินาที
โดยรวมแล้วเราประทับใจกับประสิทธิภาพการบินโดยรวมมาก แต่จุดด้อยก็มีบ้าง เราพบว่าตัวควบคุมไม่ได้ทำให้เราควบคุมตัวยึดกล้องได้ดีนัก การควบคุมกล้องถ่ายภาพนั้นกระทำผานแอพบนสมาร์ทโฟน ดังนั้นการเปลี่ยนมุมกล้องอาจจะชวนงงนิดนึงหากไม่ใช้จอยสติก การควบคุมต้องกดปุ่มลูกศรเพื่อเลื่อนขึ้นลง หรือใช้วิธีการเอียงเครื่องโทรศัพท์ไปมา
แต่ทาง DJI ก็ได้พยายามแก้ปัญหานี้แล้วในเครื่องรุ่นใหม่ ซึ่งจะมีลูกบอลเพื่อให้ปรับตำแหน่ง gimbal ได้ ดังนั้นหากคุณเน้นการถ่ายภาพทางอากาศเป็นหลักแล้วละก็ คุณอาจจะต้องหาซื้อตัวคอนโทรลตัวใหม่
กล้อง อุปกรณ์เสริม และการอัพเกรด
เครื่องรุ่นนี้นอกจากจะมีโดรนแล้วยังมีกล้องขนาด 1080p/720p ติดมาด้วย โดยถ่ายภาพได้ 30/60 fps ตามลำดับ และถ่ายภาพนิ่งได้ที่ 14 ล้านพิกเซล มุมมองของเลนซ์อยู่ที่ 110 องศา ซึ่งก็ถือว่าเป็นเลนซ์มุมกว้างก็ว่าได้ แต่ก็ไม่ถึงกับขนาดของกล้อง GoPro ที่ 170 องศา กล้องตัวนี้ติดตั้งบน Gimbal ขนาด 3 แกน ซึ่งให้ภาพที่นิ่งพอดู
หากคุณคิดว่าของที่ให้มายังไม่พอใจ ข่าวดีก็คือมีอุปกรณ์ต่างๆให้เลือกเล่นมากมาย เนื่องจากกล้องรุ่นนี้เป็นที่นิยมในตลาด อยากได้อุปกรณ์เสริมใดๆ อย่างระบบป้องกันการชน ตัวป้องกันใบพัด ก็หาได้หมด แค่เตรียมเงินไว้เท่านั้น
บทสรุป
หลังจากได้ลองเล่นอยู่ราวสองสามสัปดาห์กับโดรน Phantom 2 ก็เข้าใจเลยว่าทำไมมันถึงได้รับความนิยมมาก มันพร้อมบินทันทีที่แกะกล่องออกมา คงทนสุดๆ บินเร็ว การควบคุมทำได้ง่ายๆ แม้แต่เด็กๆยังบินเล่นได้สบายๆ ถือว่าเป็นสูตรสำเร็จของกล้องโดรนที่คู่แข่งต้องทำให้ได้ถึงจะแย่งตลาดไปได้
สำหรับนักถ่ายภาพมืออาชีพอาจจะต้องหาซื้ออุปกรณ์เสริมอื่นๆเพิ่มเติม แต่หากคุณต้องการหาโครนราคาไม่แพง ใช้งานง่าย ได้ภาพสวยๆไว้ใช้งาน รับรองว่า Phantom 2 Vision+ คือคำตอบที่เหมาะสมที่สุด อย่าเที่ยวไปลองของใครเชียว เพราะคุณจะอยากได้มันจนตัองควักกระเป๋าจ่ายเป็นแน่
จุดเด่น
– วัสดุคุณภาพดี
– ปุ่มควบคุมตอบสนองไว
– ระบบช่วยบิน
– อัพเกรดง่าย
จุดด้อย
– มีแบตให้ก้อนเดียว
– ชาร์ชแต่ละรอบนาน
– ควบคุม gimbal ลำบาก
สำหรับราคาโดรน DJI Phantom 2 Vision+ ช่วงปลายปี 2558 นั้นราคาอยู่ที่ประมาณ 26,000 บาท