ล่าสุด

Uber เตรียมชดเชยค่าเสียหายเกือบ 1000 ล้านบาทในอเมริกาประเด็นถูกฟ้องเรื่องโฆณษาความปลอดภัย

Uber เตรียมชดเชยค่าเสียหายเกือบ 1000 ล้านบาทในอเมริกาประเด็นถูกฟ้องเรื่องโฆณษาความปลอดภัย

เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา Uber อเมริกาได้กล่าวว่าทางบริษัทเตรียมพร้อมที่จะจ่ายค่าเสียหายราว $28.5 ล้านเหรียญสหรัฐหรือเกือบ 1,000 ล้านบาท เพื่อที่จะปิดคดีฟ้องร้องสองคดีที่กล่าวหาว่าบริษัท Uber ทำให้ลูกค้าเข้าใจผิดเกี่ยวกับประเด็นด้านกระบวนการความปลอดภัยและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว

ทาง Uber แถลงต่อหน้าศาลในเมือง San Francisco ว่า ทางบริษัทต้องการบรรลุข้อตกลงในการร่วมกันฟ้องคดี โดยจะจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้โดยสารราว 25 ล้านรายซึ่งเดินทางในอเมริการะหว่างวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2013 ถึง 31 มกราคม 2016 ซึ่งตอนนี้กำลังรอคำสั่งศาลอยู่

ด้านบริษัทกล่าวว่า พวกเรายินดีที่จะจบเรื่องนี้เสียที และจะได้มุ่งมั่นในการลงทุนด้านเทคโนโลยีและการบริการลูกค้าที่ดีเพื่อที่จะช่วยให้เราได้พัฒนาระบบความปลอดภัยในเมืองที่เราเปิดบริการ

การฟ้องร้องครั้งนี้เป็นการกล่าวหาว่าทาง Uber คิดค่าธรรมเนียมต่อการใช้บริการสูงสุดถึง $2.3 USD ในการตรวจสอบภูมิหลังของผู้ที่มาสมัตรเป็นคนขับผ่านระบบทันสมัย อย่างไรก็ตามทาง Uber ก็ไม่ได้ทำการตรวจสอบลายนิ้วมือแต่ประการใด อันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการรับสมัครคนขับแทกซี่

ภายใต้ข้อตกลงชดเชยเงินครั้งนี้ ทาง Uber ก็จะหยุดการโฆษณาเกี่ยวกับความปลอดภัยในบางประเด็น และจะเปลี่ยนชื่อจากค่าธรรมเนียมด้านความปลอดภัยเป็นค่าธรรมเนียมการจองแทน

ทาง Uber ยังคงยืนยันว่าเทคโนโลยีจะยังคงสร้างความอบอุ่นใจให้กับผู้โดยสาร เช่นการติดตามการเดินทางผ่าน GPS การแชร์รูปภาพของคนขับและหมายเลขทะเบียนรถก่อนที่ลูกค้าจะขึ้นรถเป็นต้น

“อย่างไรก็ตาม ไม่ระบบการขนส่งใดๆที่จะปลอดภัย 100% อุบัติเหตเกิดขึ้นได้เสมอ นั่นว่าทำไมภาษาที่เราใช้ในการสื่อสารจึงต้องทำให้มั่นใจว่าเราอธิบายถึงความปลอดภัยในการใช้ระบบ Uber ได้อย่างชัดเจนและแม่นยำ” Uber กล่าว

UBER-ReBranding-phone

การฟ้องร้องในลักษณะเดียวกันจากอัยการของ San Francisco และ LA นั้นกำลังอยู่ในกระบวนการ

ก่อนหน้านี้ได้มีการตกลงยุติข้อพิพาทในคดีคล้ายๆกันคู่แข่งของ Uber ซึ่งก็คือ Lyft ในปี 2014 โดยทาง Lyft ยินดีที่จะจ่ายเงินค่าเสียหาย $250,000 USD และหยุดโฆษณาว่าระบบตรวจสอบภูมิหลังคนขับนั้นเยี่ยมยอดที่สุดในแวดวงนี้

จะว่าไปแล้ว Uber และบริการในลักษณะเดียวกันนี้เจอปัญหาต่อต้านจากรัฐบาลในหลายๆ ประเทศ โดยหลายประเทศกำลังพยายามหาวิธีในการจัดการปัญหานี้และติดตามการให้บริการของบริษัททำนองนี้

ปัจจุบันบริษัทแทกซี่และลีมูซีนทั่วไปต่างกำลังร้องเรียนถึงการทำงานของบริษัทแนว Uber ว่า ควรจะต้องผ่านกฏเกณฑ์ต่างๆรวมถึงค่าธรรมเนียมเช่นเดียวกับบริษัทแทกซี่ทั่วไปด้วย

แต่บริษัทแนว Uber ต่างก็กลับมาตอบโต้ว่าพวกเขาให้บริการในลักษณะที่ผู้ขับคือผู้รับเหมาส่วนบุคคลไม่ใช้บริการสาธารณะ ซึ่ง Uber และบริษัทลักษณะเดียวกันอาศัยเทคโนโลยีในการหาลูกค้ามาใช้บริการเท่านั้น

ที่มา sci-tech-today.com

Advertisment

Leave a comment