รีวิวโดรน YUNEEC TYPHOON H
รีวิวโดรน YUNEEC TYPHOON H
ใครว่า DJI Phantom 4 เจ้าเดียวที่มีความสามารถในการหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้ Yuneec ก็เพิ่งเปิดตัว Typhoon H มาไม่นาน พร้อมความสามารถในการหลบหลีกสิ่งกีดขวางด้วยระบบโซน่าร์ ทำงานได้แม้ตอนกลางคืน ที่เด็ดกว่านั้น Typhoon H มี 6 มอเตอร์ ถ้าอันใดอันหนึ่งเสียมันก็ยังบินได้ เรามาดูรีวิวแบบละเอียดของโดรนรุ่นนี้กันะครับ
Yuneec ได้ผลิตโดรนสำหรับการถ่ายภาพทางอากาศมานานก่อนที่คำว่าโดรนจะเริ่มคุ้นหูคนทั่วไปซะอีก และโดรนในกลุ่ม Typhoon นั้นถือว่าเป็นรุ่นที่สุดยอดของตลาดเลยก็ว่าได้ แต่ก็เหมือนกับผู้ผลิตโดรนรายอื่นในตลาดละครับ เพราะว่า Yuneec เองก็ชื่อเสียงไม่โด่งดังเท่า DJI เท่าไหร่ในช่วงสองสามปีมานี้ ไม่ว่าโดรน Typhoon จะมีคุณสมบัติโดดเด่นมากมายแค่ไหน แต่ดูเหมือนจะไม่ทำให้ DJI สะเทือนแม้แต่นิดเดียว
แต่กับ Typhoon H รุ่นนี้นั้น ทาง Yuneec ตั้งเป้าเอาไว้สู้กับ DJI โดยตรง ซึ่งราคาในอเมริกาแล้ว โดรน 6 มอเตอร์ตัวนี้ราคาต่ำกว่า DJI Phantom 4 อยู่เพียง 3,000 กว่าบาทเท่านั้น แต่มันมาพร้อมคุณสมบัติต่างๆคล้ายคลึงกัน แถมมีบางจุดที่เด่นกว่า แต่มันจะสู้กับ Phantom 4 หรือ 3DR Solo ได้จริงหรือไม่ ก็ต้องดูกันให้ชัดๆไปเลย
คุณสมบัติเด่น
จะว่าไปแล้วคุณสมบัติต่างๆของโดรนตัวนี้นั้นถือว่าสุดยอดมาก เพื่อที่จะให้ง่ายขึ้นในการอธิบาย เราก็ขอยกตัวอย่างในประเด็นที่ทำให้โดรนตัวนี้เด่นกว่ายี่ห้ออื่นก่อนแล้วกัน
สิ่งแรกที่คุณจะเห็นเมื่อเจอกับ Typhoon H ก็คือมันเป็นคอปเตอร์แบบ 6 ใบพัด โดยมันจะมีมอเตอร์ 6 ตัวแทนที่จะมี 4 ตัวเหมือนที่เราพบเห็นโดรนตัวอื่นๆ และมันใช้แค่เพียง 5 ใบพัดเท่านั้นในการบิน
ใบพัดส่วนที่เกินมานั้นก็เผื่อว่าหากเราสูญเสียการหมุนของใบพัดใดใบพัดหนึ่งไป จะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม โดรนก็จะรับรู้ถึงปัญหานั้นได้และจะบินกลับมายังจุด Home ได้อย่างปลอดภัยเพื่อการซ่อมแซม
ประเด็นที่สองก็คือเรื่องของกล้อง ซึ่งเมื่อเทียบกับรุ่น DJI Phantom 4 ที่กล้องสามารถเคลื่อนไหวได้ในมุมก้มเงยเท่านั้น จะพบว่ากล้องของ Typhoon H นั้นจะติดตั้งบน gimbal 3 แกน ซึ่งสามารถหมุนได้รอบตัว 360 องศาอีกด้วย
นอกจากนี้แล้ว ขาตั้งลงจอดของเครื่องสามารถยกขึ้นมาได้ด้วยปุ่มกดเพียงปุ่มเดียวจากรีโมท แล้วมันก็จะไม่ขวางทางเลนซ์กล้องอีกต่อไป
ที่โดดเด่นกว่านั้นสำหรับ Typhoon H ก็คือระบบหลบหลีกสิ่งกีดขวางที่มาพร้อมกับตัวเครื่อง จะว่าไปแล้ว Phantom 4 ก็มีระบบนี้เช่นกัน แต่ในขณะที่ Phantom 4 อาศัยการหลบหลีกผ่านระบบการมองภาพผ่านกล้องที่ใส่เพิ่มมา แต่ใน Typhoon H จะใช้ระบบโซนาร์ นั่นก็หมายถึงว่าแม้ในสภาวะแสงน้อยหรือมืดมากๆ Typhoo H ก็จะยังสามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้
สิ่งที่ต้องกล่าวเพิ่มก็คือ ระบบการตรวจจับและหลีกเลี่ยงจะติดตั้งไว้บนปลายจมูกของโดรน จึงจะยังสามารถตรวจจับสิ่งกีดขวางได้เฉพาะด้านหน้าโดรนเท่านั้น แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลยซะทีเดียว
คุณสมบัติมาตรฐานอื่นๆของ Typhoon H ก็คือระบบการบินอัตโนมัติรูปแบบต่างๆ คล้ายๆกับ 3DR Solo และ Phantom 4 นั่นก็คือ Cable Cam, Orbit, Follow และอื่นๆ ซึ่งระบบอัตโนมัติเหล่านี้ทำให้คนขับไม่ต้องพะวงกับการบังคับการบิน จะได้ใส่ใจในประเด็นการควบคุมกล้องแทน
และที่เด็ดสุดก็คือ Yuneec Typhoon H จะมาพร้อมกับตัวคอนโทรลเลอร์ที่ทำหน้าที่พร้อมสรรพ ST16 นั่นหมายถึงว่าคุณไม่ต้องอาศัยแทปเล็ตหรือสมาร์ทโฟนอีกต่อไปสำหรับการบินโดรนตัวนี้ ซึ่งถือว่าต่างกันอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับ Phantom 4 และ 3DR Solo
ตัว Controller นั้นถือว่าสุดยอด นอกจากจะมีปุ่มกด มีสวิทช์ครบครับแล้ว ยังมีหน้าจอแสดงผลขนาด 7 นิ้ว แบบสัมผัสอีกด้วย เอาไว้สำหรับแสดงข้อมูลการบินต่างๆ ภาพวิดีโอสดๆจากกล้องบนตัวโดรน และใช้ในการปรับแต่งค่าต่างๆรวมถึงโหมดการบินอีกด้วย
นอกจากนี้แล้ว ST16 ไม่ใช่แค่คอนโทรลเลอร์เพียงตัวเดียวที่ Typhoon H จะเชื่อมต่อสัญญาณได้ คุณสามารถเชื่อมโดรนเข้าก็บคอนโทรลเลอร์ถึงสองตัวด้วยกันในเวลาเดียวกัน จากนั้นก็ใช้คอนโทรลเลอร์อันนึงในการควบคุมการบิน ส่วนอีกตัวไว้ควบคุมกล้องขนาด 4K ที่อยู่บนโดรน ซึ่งคุณสมบัติแบบนี้หาไม่ได้จากโดรนพร้อมบินที่วางขายในท้องตลาดทั่วไป
คุณภาพของตัวโดรนและความทนทาน
โดยรวมแล้วถือว่าดูแกร่งใช้ได้ แต่จะว่าไปแล้วไม่ถึงกับแกร่งสุดเท่าที่เราได้เจอมา ถ้าจะให้พูดจริงๆก็ต้องบอกว่ามันให้ความรู้สึกบอบบางไปหน่อยเมื่อเทียบกับ Phantom 4 หรือ 3DR Solo แม้เราจะไม่ได้บนชนอะไรจังๆตอนที่เราทดสอบ แต่หลังจากเล่นไปสักพัก เราก็ไม่ได้แน่ใจ 100% ว่า Typhoon H ตัวนี้หากชนอะไรจังๆ จะรอดมาบินต่อได้หรือไม่
ประเด็นปัญหาหลักน่าจะมาจากแขนที่พับได้ของโดรนตัวนี้ อย่าเข้าใจเราผิดนะครับ ความจริงแล้วแขนพับได้นั้นถือว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง แต่มันก็เหมือนดาบสองคมนั่นแหละ จุดเด่นของการออกแบบให้แขนพันได้ของ Yuneec ก็คือทำให้ Typhoon H สามารถจัดเก็บและพกพาสะดวก แต่ผลเสียที่ตามมาคือ บานพับที่ทำให้แขนพับได้นั้นให้ความรู้สีกว่าจะเป็นจุดอ่อนมากกว่าที่คิด
แขนและขาที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์นั้นคงไม่หักหากเกิดการชนหรือบินตก แต่บานพับอาจจะหักแทน จะว่าไปแล้วบานพับนี่แหละที่เป็นจุดอ่อนที่สุดนอกนั้นก็คือว่าดูแกร่งทีเดียวสำหรับโดรนราคานี้
อายุแบตเตอร์รี่ เวลาชาร์ช และระยะการบิน
สเป็คข้างกล่องระบุว่าแบตเตอร์รี่เป็นแบบ LiPo 14.8v 5400mAh 79.9Wh ซึ่งน่าจะให้เวลาบินประมาณ 25 นาทีด้วยโหมดปกติ เพื่อที่จะทดสอบข้อมูลนี้ เราก็เลยใส่แบตต์ที่ชาร์ชเต็ม สตาร์ทเครื่อง แล้วบินธรรมดาที่สุด พร้อมนาฬิกาจับเวลา ผลก็คือ Typhoon H ตัวนี้อยู่ในอากาศได้ 23 นาที 20 วินาที
แต่หากบินผาดโผนกว่านี้ ระยะเวลาบินอาจจะเหลือเพียง 17 – 20 นาที ก่อนที่โดรนจะลนลานแล้วบินกลับตำแหน่ง Home เพื่อจะลงแบบฉุกเฉิน
หลังจากที่เราได้ใช้แบตต์จนเกลี้ยงแล้ว เราก็ใส่กลับเข้าไปที่เครื่องชาร์ช แล้วเริ่มจับเวลาอีกที จากการเริ่มชาร์ชจนถึงเต็มใช้เวลาเกิน 2 ชั่วโมงไปเล็กน้อย จะว่าไปแล้วถือว่านานเหมือนกัน ดังนั้นคำแนะนำก็คือ หากจะถ่ายอะไรเป็นงานเป็นการแล้วละก็ คุณก็อาจจะต้องซื้อแบตเพิ่มอีกซัก 2 ก้อน แล้วอาจจะต้องซื้อที่ชาร์ชเพิ่มขึ้นอีกด้วย
สำหรับระยะการบินแล้วละก็ ทาง Yuneec อ้างว่า Typhoon H สามารถบินได้เป็นไมล์ก่อนที่สัญญาณจะหายแล้วก็จะเข้าสู่โหมดบินกลับอัตโนมัติ เราก็เลยลองทดสอบดูบ้างกับพื้นที่โล่งๆ แล้วพบว่าที่ Yuneec กล่าวอ้างนั้นเหมือนจะโม้ไปหน่อย เราลองวัดระยะให้ได้ 1 ไมล์ (1.6 กิโลเมตร) โดยใช้มาตรวัดของรถยนต์ของเราเป็นหลัก แล้วจอดรถเอาไว้เป็นจุดสังเกต
การทดลองบินครั้งแรกของเรา เจออะไรประหลาดๆขึ้นมา แล้วสัญญาณภาพหายไปตอนประมาณระยะทางราว 400 เมตร แต่การบินรอบหลังๆ เราบินได้ไกลขึ้นก่อนจะเจอปัญหาเดิมๆ โดยรวมแล้วภาพวิดีโอจะเริ่มกระตุกเมื่อบินผ่าน 800 เมตรไปแล้ว แต่ยังสามารถมองเห็นภาพได้อยู่จนเมื่อถึงระยะประมาณ 1.2 กิโลเมตร ภาพจะหายไป แม้สัญญาณควบคุมจะยังเชื่อมต่อไปได้ระยะทางอีกซัก 50 – 100 เมตร แต่หลังจากนั้นมันก็จะเริ่มบินกลับ Home ทันที
การควบคุมการบิน และโหมดอัตโนมัติ
การบินโดรนนั้นไม่ใช่เรื่องยากหากคุณเริ่มคุ้นเคยกับมัน แต่หากคุณไม่ได้บินโดรนทุกวันแล้วละก็ อาจจะต้องใช้เวลาซักระยะหนึ่งถึงจะคุ้นเคยกับการลองเล่นปุ่มควบคุมต่างบน ST16 การเรียนรู้อาจจะไม่ถึงขั้นรวดเร็วเมื่อเทียบกับ Phantom 4 และ 3DR Solo แต่จุดเด่นก็คือเมื่อคุณเริ่มชำนาญแล้ว คุณจะพบว่าคุณสามารถควบคุมอะไรได้มากมายกว่าที่คุณคิด
การควบคุมการบินนั้นแยกออกเป็น 2 โหมดด้วยกัน โดยโหมดแรกซึ่งมักจะคุ้นเคยกันดีนั้นชื่อว่า Angle Mode ซึ่งเป็นชื่อที่ทาง Yuneec ตั้งขึ้นเพื่อสื่อว่าเป็นคอนโทรลของเครื่องเล่นควบคุมวิทยุมาตรฐานทั่วไป โดยการปรับทิศทาง Joystick ขวามือ จะเป็นการควบคุมทิศทางของโดรน ซ้าย ขวา หน้า หลัง การควบคุมลักษณะนี้อาจจะต้องใช้เวลาฝึกฝนซักระยะนึง
ส่วนอีกโหมดคือ Smart Mode ซึ่งเป็นโหมดที่ควบคุมการบินได้ง่ายขึ้นสำหรับมือใหม่ โดยในสถานะเบื้องต้น โดรนจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางใดก็ตามที่ Joystick ทางด้านขวาถูกโยกไป โดยไม่สนใจว่าสถานะเดิมจะอยู่ตำแหน่งไหน การบินในโหมดนี้จะทำให้คุณสามารถเล่นโหมดการบินอัตโนมัติต่างๆที่ Typhoon มีให้ ซึ่งเป็นรูปแบบการบินที่โดยปกติแล้วจะต้องใช้เวลาในการฝึกซ้อมจนชำนาญ
จะว่าไปแล้ว โหมดการบินอัตโนมัติต่างๆ ของ Yuneec คือสิ่งที่คุณจะพบได้กับการบิน Phantom 4 หรือ 3DR Solo เพียงแต่อาจจะมีชื่อเรียกต่างกันเล็กน้อย อย่าง Curve Cable Cam จะทำให้คุณเลือกจุดต่างๆในเส้นทางการบิน แต่ก็จะยังสามารถควบคุมเองได้ด้วย
สำหรับโหมด Orbit จะมีอยู่ 2 โหมดด้วยกัน โดยโหมดนึงจะวนรอบตัวคุณ ส่วนอีกโหมดจะวนรอบวัตถุที่เลือก ส่วนโหมด Selfie จะมีชื่อเรียกว่า Jour ซึ่งโดรนจะหันกล้องมาที่คุณ และจะบินถอยหลังขึ้นเพื่อสร้างภาพที่ดูเหมือนเปิดเผยฉากมากขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้แล้วจะมีโหมด Follow Me และ Watch Me ซึ่งทั้งสองโหมดจะติดตามนักบินโดยการล้อคสัญญาณไปกับ ST16 controller หรือกับ Wizard Remote
เจ้า Wizard Remote ถือเป็นอุปกรณ์ที่น่าเล่นที่ Typhoon H ให้มาด้วย มันเหมือนเป็นรีโมทตัวเล็กๆที่ทำให้นักบินสามารถบินโดรนด้วยคำสั่งง่ายๆ โดยสามารถสั่งงานเพียงมือเดียวได้ แทนที่จะใช้สองมือในการควบคุมการบิน ทั้งขึ้นลง หน้าหลัง ซ้ายขวา หมุนตัว คุณแค่ชี้เจ้าตัวนี้ไปยังทิศทางที่อยากให้มันบินไป ส่วนความสูง อัตราเร่ง และโหมดการบินสั่งได้ด้วยปุ่มใต้นิ้วมือ
ดังนั้นคุณก็สามารถใช้ตัว Wizard Remote ในการให้โดรนติดตามคุณในระหว่างคุณทำกิจกรรมต่างๆโดยไม่จำเป็นต้องถือคอนโทรลเลอร์ตัวใหญ่ๆอีกต่อไป จะว่าไปแล้ว Typhoon H มีคุณสมบัติเหมือนเป็นระบบติตตามอัตโนมัติได้เหมือน Hexo+ หรือ AirDog ได้เลย
กล้องถ่ายภาพ อุปกรณ์เสริมและการอัพเกรด
กล้องของ Typhoon H หรือที่เรียกว่า CG03+ นั้นถือว่าเป็นการอัพเกรดมาจาก CG03 ที่มากับ Typhoon Q500 4K โดยมันสามารถถ่ายภาพวิดีโอ 4K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที หรือที่ 1080p ที่ 60 เฟรมต่อวินาที แต่กล้องตัวนี้จะมีเซ็นเซอร์ที่ใหญ่กว่า processor ที่ประมวลผลเร็วกว่า พร้อมมุมกล้องที่กว้างกว่า (115 องศา)
มันสามารถถ่ายภาพนิ่งได้ที่ 12 ล้านพิกเซล พร้อมเลนซ์ที่ให้ภาพไม่บิดเบี้ยว อาจจะถือว่าดีกว่ากล้อง GoPro เสียด้วยซ้ำ แต่ไม่ใช่ประเด็นแค่กล้องอย่างเดียวเท่านั้นที่ทำให้ Typhoon H โดดเด่นกว่าคนอื่น
ตัว gimbal นั้นสามารถหมุนได้รอบ 360 องศา ซึ่งถือเป็นรุ่นแรกของ Typhoon ที่สามารถทำได้แบบนี้ ทำให้สามารถถ่ายภาพได้มุมกว้างขึ้น ซึ่งคุณจะหากล้องลักษณะนี้ได้อีกรุ่นก็คือ Inspire 1 ซึ่งราคาแพงกว่า Typhoon H ถึง 2 เท่าด้วยกัน
ถึงจุดนี้อาจจะยังไม่มีอะไรเสริมแต่ง Typhoon H ได้มากกว่านี้ แต่ทาง Yuneec ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับการอัพเกรดได้อย่างเต็มที่ ช่องอุปกรณ์เสริมได้รับการออกแบบมาให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ง่ายๆ เช่น กล้อง gimbal สามารถถอดออกได้ในเสี้ยววินาที ทำให้มั่นใจได้ว่าต่อไปมีอะไรใหม่ๆ ก็สามารถอัพเกรดได้ทันที
บทสรุป
หลังจากทดลองบินไปหลายสิบชั่วโมงกับโดรนตัวนี้ พร้อมๆกับลองบินทดสอบไปกับ Phantom 4 และ 3DR Solo ก็ต้องบอกว่า Typhoon H นี้เป็นโดรนที่ดีที่สุดเท่าที่เคยได้ลองบินมา แม้จะไม่สมบูรณ์แบบ และทาง Yuneec น่าจะปรับแต่งอะไรได้อีกเยอะ แต่โดยรวมแล้วเมื่อเทียบกับราคาแล้วถือว่า Typhoon ดีกว่า
กล้อง 4K หมุนได้รอบตัว 360 องศา ยกขาขึ้นได้ ใบพัดหกตัว หน้าจอพร้อมไม่ต้องพึ่ง smartphone โหมดการบินต่างๆครบครัน พร้อมระบบป้องกันการชนแบบโซน่าร์ แล้วราคาสูสีกับ Phantom 4 ถ้าให้ผมเลือกซื้อผมต้องเลือกตัวนี้ ห่วงแค่อย่างเดียวว่าถ้าคนไม่นิยมเล่นแล้วจะหาอะไหล่ยากเท่านั้น
เรียบเรียงจาก digitaltrends.com
Leave a comment
You must be logged in to post a comment.