ล่าสุด

2018 ถึงเวลาซื้อทีวี 4K หรือ HDR ได้แล้ว

2018 ถึงเวลาซื้อทีวี 4K หรือ HDR ได้แล้ว

หลังจากที่ได้มีการโปรโมทเทคโนโลยี 4K มาแล้วหลายปี ถือได้ว่าปี 2561 นี้เป็นปีที่ความละเอียดระดับ 4K นั้นเข้ามาอยู่ในกระแสหลักแล้ว นั่นเพราะเราคนไทยอาจจะคุ้นเคยกับทีวีดิจิตอลในระบบ HD กันจนคุ้นชินไปแล้ว พอไปเดินตามโชว์รูมแล้วเห็นทีวีระดับ 4K แล้วอาจจะรู้สึกว่าทีวีที่บ้านนั้นด้อยไปเลย

ความจริงแล้วการเปลี่ยนมาเป็นความละเอียดในระดับ 4K นั้น ไม่ใช่เพียงค่ในแง่ของการเพิ่มจำนวน พิกเซลเท่านั้น แต่เรายังมี HDR หรือชื่อย่อมาจาก dynamic range video พร้อมกับการรองรับสีสันที่มากกว่า เป็นผลให้ได้ชมภาพที่คมชัดสีสันครบถ้วนมากขึ้น

รวมหลายอย่างเข้าด้วยการ เราก็จะพบกับการพัฒนาไปอีกขึ้นของความบันเทิงในบ้านที่เราได้รอคอยกันมานานตั้งแต่เริ่มมีความละเอียดในระบบ HD ขึ้นมา ส่วนใครที่กำลังรีๆรอๆอยู่ว่าสมควรจะซื้อทีวีแบบไหนดี ถือได้ว่าปี 2018 นี้เป็นปีที่ใครหลายๆคนจะได้มีความอิ่มกับเทคโนโลยีความคมชัดแบบใหม่นี้แน่

ความละเอียดระดับ 4K นั้นถือว่าเป็นความก้าวหน้าที่ชัดเจนตรงไปตรงมา นั่นเพราะมันจะมาพร้อมกับความละเอียดสูงถึง 4 เท่าตัวเมื่อเทียบกับระบบ HD (1080p) ที่เราคุ้นเคย

แม้ว่าฟังดูแล้วน่าตื่นเต้น แต่ความละเอียดที่เพิ่มขึ้นนั้นอาจจะมองดูไม่ชัดเจนนักหรือแทบจะสังเกตเห็นไม่ได้สำหรับทีวีที่มีจอขนาดเล็กๆ ต้องทีจอใหญ่ๆ ระดับ 40 นิ้วขึ้นไปเท่านั้น ที่เราจะเห็นว่าถ้าเป็น 4K แล้วความคมชัดจะมาให้เห็นจนเป็นที่สังเกตได้

แต่ในประเด็นของ HDR แล้ว ถือเป็นประสบการณ์ความล้ำหน้าที่คุณไม่ควรพลาด เพราะมันจะให้ความรู้สึกที่สว่างกว่าและมืดกว่าเก่าสำหรับสันที่มันแสดงออกมา ภาพถ่ายดวงอาทิตย์ หรือการระเบิดของเปลวเพลิงอาจจะดูสมจริงมากยิ่งขึ้น ซึ่งในทีวีบางรุ่นความสว่างแบบนั้นอาจจะทำให้คุณถึงกับต้องหรี่ตาเลยทีเดียว

ส่วนในแง่ของความมืดที่เพิ่มขึ้นนั้น มันจะทำให้ฉากกลางคืนดูชัดเจนสมจริงมากขึ้นด้วยการไล่เฉดความมืดได้สมจริงกับรายละเอียดที่ไม่ขาดหายไปไหน

ผลของความสามารถในการแสดงสีได้มากขึ้น ทำให้คุณจะสังเกตเห็นถึงความแตกต่างได้ทันทีถ้าคุณดูหนังอย่าง Planet Earth 2 ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงเฉดสีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาต เนื่องจากก่อนหน้านี้ความสามารถของระบบการแสดงสีนั้นทำได้จำกัดมาก แต่ด้วยความสามารถในการแสดงสีที่มากขึ้น จะทำให้สีพื้นอย่าง แดง เขียว น้ำเงิน จะคมกริบและดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

ตกลงอะไรที่จะทำให้สถานการณ์ 4K และ HDR ดีขึ้นในปีนี้ คำตอบที่ชัดเจนที่สุดก็คงเป็นว่า ทีวีที่รองรับความสามารถดังกล่าวนั้นจะมีราคาที่ถูกลง

โดยก่อนหน้านี้คุณอาจจะต้องเตรียมเงินไว้อย่างน้อย 30,000 กว่าบาทสำหรับจะได้ทีวีในระดับ 48 – 50 นิ้ว แต่ปัจจุบันคุณจะสามารถหาทีวีขนาด 55 นิ้ว อย่าง TCL P series ที่ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ราวๆ 17,000 บาทเท่านั้น แต่ถ้าหากคุณไม่ต้องการคุณภาพของภาพที่แสดงมากนัก ราคาก็จะยิ่งต่ำลงไปอีก

นั่นหมายถึงว่าทีวีจอใหญ่จะมีราคาลดลง ทำให้เงินจำนวนเดียวกันเมื่อต้นปีที่แล้ว สามารถเพิ่มขนาดทีวีได้ตั้งแต่ 5 – 10 นิ้วเลยทีเดียว ซึ่งคาดว่าปีนี้ชาวบ้านทั่วไปที่ซื้อทีวีจอใหญ่ต่างก็จะหมายถึงจอ 65 นิ้ว เพราะทีวีขนาด 55 นิ้วนั้นถือเป็นเรื่องปกติไปแล้ว (จากเมื่อก่อนใครๆก็มีจอ 40 นิ้วที่บ้าน ใครมีจอ 55 นิ้วถือว่าเป็นทีวีจอใหญ่) และคาดว่าราวปลายปีเราจะเห็นทีวีขนาด 75 นิ้วในราคาที่จับต้องได้สำหรับคนทำงานกินเงินเดือนทั่วไป

4k-tv

และไม่เพียงเท่านั้น ยิ่งในอนาคตที่ เทคโนโลยีระดับสูงอย่าง OLED มีราคาถูกลง หลายๆบ้านก็คงจะต้องมองหาทีวีในระบบ OLED มาประดับบ้านกันเป็นเรื่องธรรมดา เนื่องจากมันจะให้ความคมชัดมากกว่า LCD หลายเท่า และให้ความดำสนิทของภาพที่สมจริงสุดๆและไม่มีปัญหาเรื่องภาพเบลอร์อีกด้วย

อีกทั้งหากคุณสนใจในเรื่องการตบแต่งบ้าน ทีวีแบบ OLED นั้นจะมีความบางมาก อย่างทีวี LG W series อันใหม่นั้นจะบางขนาดเอาเหรียญบาทมาวางซ้อนกันเลยทีเดียว ซึ่งจะทำให้มันต้องเป็นทีวีติดผนังเท่านั้นเนื่องจากมันเป็นการยากที่จะวางให้ตั้งดิ่งได้บนขาตั้งแบบทีวีทั่วไป

แม้ว่าตอนนี้ทีวีแบบ OLED อาจจะราคาแพงกว่าทีวี LCD ไปอีกราว 50% แต่ความแตกต่างของราคานั้นจะลดลงเรื่อยๆ ถ้าคุณกำลังมองหาทีวีเครื่องใหม่ในอนาคต คาดว่าปลายปีนี้ราคาคงจะลงมาอีกมาก ที่สำคัญ เทคโนโลยี LCD จะยังขายได้อยู่ และมันจะยิ่งทำให้ราคาถูกลงไปอีก

ตอนนี้เองเราก็มาถึงยุค 4K รุ่นที่สอง เนื่องจาก 4K ยุคแรกนั้นไม่มี HDR ซึ่งตอนนั้นมันไม่มีอะไรโดดเด่นที่จะเปลี่ยนจากทีวีระบบ HD เดิมๆมาเป็นระบบ 4K แต่ทุกวันนี้เ
content ที่มีในตลาดนั้นเริ่มรองรับ 4K มากขั้นและมักจะรองรับ HDR กันแล้ว และคงจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเพื่อแข่งขันกันดึงดูดลูกค้า

อีกเหตุผลสำคัญที่ปีนี้สมควรซื้อทีวี 4K ได้แล้วก็คือ มาตรฐาน 4K คงจะยังอยู่อีกนาน ส่วนในแง่ของ HDR อาจจะกำลังลูกผีลูกคน แต่ก็คิดว่าน่าจะกำลังมีทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Dolby Vision และ HDR10 ที่กำลังขับเคี่ยวกันอยู่

ส่วนทีวีระดับ 8K นั้นคงจะยังอีกไกล แต่ในอีก 2 – 3 ปีข้างหน้านี้คงจะยังไม่มีออกมาวางขายในท้องตลาดมากนัก และ content ก็จะยังคงหายาก เพราะขนาด content ในระดับ 4K ยังหากยากแล้วใครจะกระโดดไป 8K ก็คงจะอีกนาน และในแง่ความละเอียดแล้วมันไม่ถึงกับจะก้าวกระโดดซะทีเดียว เพราะให้กระโดดจริงๆก็ต้องเป็น 16K โน่นแหละ

สรุปได้ว่าใครที่กำลังลังเลอยู่ ปีนี้ถึงเวลาแล้วละครับที่ควรจะซื้อทีวีในระดับ 4K กัน

Advertisment